- การติดตั้ง Linux server
- การติดตั้งโปรแกรม Apache web server
- การติดตั้งโปรแกรม Freeradius
- ทดสอบ authentication โดยใช้ username/password ของ Unix
- การติดตั้งโปรแกรม Chillispot แบบ Web login
1.1 การติดตั้ง Linux server
คำแนะนำการติดตั้ง
- ในขั้นตอนที่ติดตั้งจากแผ่นซีดี ให้เลือก Package selection เป็น Software Development
- ในขั้นตอนที่ติดตั้งจากแผ่นซีดีครบแล้ว เมื่อรีบูตกลับมาให้ปิด SeLinux โดยเปลี่ยนจาก enforcing เป็น disabled
คำแนะนำการใช้งาน
- การคอนฟิกระบบจะง่ายขึ้น ให้ใช้วิธีการ copy และ paste คำสั่งหรือข้อความจากเอกสารที่กำลังอ่านอยู่นี้
หากภายหลังการติดตั้งได้รับหน้าจอเป็น text mode ให้เปลี่ยนเป็นกราฟฟิคโหมด ด้วยคำสั่ง startx - เปิดวินโดวชื่อ terminal เพื่อใช้ในการปรับแต่งและรันคำสั่ง ดังนี้ คลิก Application, Accessories, Terminal
- โปรแกรม editor ที่ใช้ในการแก้ไขค่าคือ gedit เป็น full screen editor ใช้เมาส์คลิกวางตำแหน่ง cursor ได้
จบด้วยคลิกปุ่ม Save และคลิก X เพื่อปิดโปรแกรม
1.1.1 การปรับแต่งระบบลินุกซ์
(ดัดแปลงจาก การปรับแต่งระบบลินุกซ์หลังการติดตั้ง (28-9-2550) วิภัทร ศรุติพรหม http://rd.cc.psu.ac.th/content/view/14/46/ )
1. ตรวจสอบการ์ดแลนพร้อมใช้งานด้วยคำสั่ง
ifconfig -a
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# ifconfig -a
eth0 Link encap:Ethernet HWaddr 00:60:97:A5:38:6F
inet addr:192.168.2.220 Bcast:192.168.2.255 Mask:255.255.255.0
inet6 addr: 2001:3c8:9009:300:260:97ff:fea5:386f/64 Scope:Global
inet6 addr: fe80::260:97ff:fea5:386f/64 Scope:Link
UP BROADCAST RUNNING MULTICAST MTU:1500 Metric:1
RX packets:126 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:46 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:1000
RX bytes:9430 (9.2 KiB) TX bytes:8450 (8.2 KiB)
Interrupt:9 Base address:0x2080
eth1 Link encap:Ethernet HWaddr 00:01:03:18:BA:59
BROADCAST MULTICAST MTU:1500 Metric:1
RX packets:431699 errors:0 dropped:0 overruns:520 frame:0
TX packets:858 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:1000
RX bytes:32878596 (31.3 MiB) TX bytes:88551 (86.4 KiB)
Interrupt:5
lo Link encap:Local Loopback
inet addr:127.0.0.1 Mask:255.0.0.0
inet6 addr: ::1/128 Scope:Host
UP LOOPBACK RUNNING MTU:16436 Metric:1
RX packets:34660 errors:0 dropped:0 overruns:0 frame:0
TX packets:34660 errors:0 dropped:0 overruns:0 carrier:0
collisions:0 txqueuelen:0
RX bytes:9917351 (9.4 MiB) TX bytes:9917351 (9.4 MiB)
2. หากต้องการเปลี่ยนรหัสผ่านของ root ทำด้วยคำสั่ง
passwd
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# passwd
Changing password for user root.
New UNIX password:
Retype new UNIX password:
passwd: all authentication tokens updated successfully.
3. ยกเลิกการตั้งค่า update อัตโนมัติ ด้วยคำสั่งดังนี้คือ
service yum-updatesd stop
chkconfig yum-updatesd off
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# service yum-updatesd stop
|
4. ตั้งเวลาให้ตรงกับสากลด้วยคำสั่ง /usr/sbin/ntpdate -u <ชื่อเซิร์ฟเวอร์>
โดยที่
pool.ntp.org เป็น ntp server ที่เป็นสากลโดยตรง
time.psu.ac.th เป็น ntp server ภายใน ม.อ.
ใช้คำสั่ง
/usr/sbin/ntpdate -u pool.ntp.org
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# /usr/sbin/ntpdate -u pool.ntp.org
|
ต้องการให้ทุกครั้งที่บูทเครื่องมีการตั้งเวลาใหม่ ให้แก้ไขแฟ้ม /etc/rc.local ใช้คำสั่ง
gedit /etc/rc.local
เพิ่มบรรทัดข้อความว่า
/usr/sbin/ntpdate -u pool.ntp.org
บันทึกและปิดหน้าต่าง gedit
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/rc.local |
#!/bin/sh
|
ตั้งเวลาให้ตรงกับสากลทุกวัน ให้สร้างแฟ้มข้อมูลชื่อ /etc/cron.daily/ntp.cron ใช้คำสั่ง
gedit /etc/cron.daily/ntp.cron
มีข้อมูลดังนี้
#!/bin/sh
/usr/sbin/ntpdate -u pool.ntp.org
และเปลี่ยนโหมดของแฟ้มเป็น execute ด้วยคำสั่ง
chmod +x /etc/cron.daily/ntp.cron
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/cron.daily/ntp.cron |
#!/bin/sh
|
[root@dhcp160 ~]# chmod +x /etc/cron.daily/ntp.cron
|
5. เกี่ยวกับ SeLinux อาจทำให้การใช้งานบางอย่างยากขึ้น ให้เปลี่ยนจาก enforcing เป็น disabled โดยแก้ไขแฟ้ม /etc/selinux/config ใช้คำสั่ง
gedit /etc/selinux/config
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/selinux/config |
# This file controls the state of SELinux on the system.
|
1.1.2 การ update packages linux fedora core 6 ให้ทันสมัย
(ดัดแปลงจาก การ update packages ด้วยโปรแกรม Yum สำหรับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (01-03-2550)
วิภัทร ศรุตพรหม http://rd.cc.psu.ac.th/content/view/52/46/)
กรณีที่เครื่องอยู่ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
แก้ไขให้ชี้ update server มาอยู่ที่ repository server ที่ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ด้วยวิธีการคือ
ลบข้อมูลเดิมใน cache ทิ้งก่อนด้วยคำสั่ง
rm -rf /var/cache/yum/*
สำรองต้นฉบับ yum.repos.d เก็บไว้ก่อน เผื่อใช้ในอนาคต
cp -r /etc/yum.repos.d/ /etc/yum.repos.d.save
ลบแฟ้มใน directory /etc/yum.repos.d ทิ้งทั้งหมด
เพราะต้นฉบับ yum ที่ติดตั้งมีข้อมูลระบุให้ชี้ไปที่ server ต่างประเทศ ด้วยคำสั่ง
rm -f /etc/yum.repos.d/*
แล้วสร้างแฟ้ม 3 แฟ้มขึ้นมาใหม่ โดยระบุ repository server เป็น ftp.psu.ac.th
สร้างแฟ้ม /etc/yum.repos.d/psu-fedora.repo ให้มีข้อมูลดังนี้
[base]
name=Fedora Core $releasever - $basearch - Base
baseurl=ftp://ftp.psu.ac.th/pub/yum/fedora/core/6/base
enabled=1
gpgcheck=1
gpgkey=file:///etc/pki/rpm-gpg/RPM-GPG-KEY-fedora
สร้างแฟ้ม /etc/yum.repos.d/psu-fedora-extras.repo ให้มีข้อมูลดังนี้
[extras]
name=Fedora Extras $releasever - $basearch
baseurl=ftp://ftp.psu.ac.th/pub/yum/fedora/core/6/extras
enabled=1
gpgkey=file:///etc/pki/rpm-gpg/RPM-GPG-KEY-fedora-extras
gpgcheck=1
สร้างแฟ้ม /etc/yum.repos.d/psu-fedora-updates.repo ให้มีข้อมูลดังนี้
[updates]
name=Fedora Updates $releasever - $basearch
baseurl=ftp://ftp.psu.ac.th/pub/yum/fedora/updates/6/i386
enabled=1
gpgcheck=0
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# rm -rf /var/cache/yum/*
|
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/yum.repos.d/psu-fedora.repo |
[base]
|
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/yum.repos.d/psu-fedora-extras.repo |
[extras]
|
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/yum.repos.d/psu-fedora-updates.repo |
[updates]
|
กรณีที่เครื่องตั้งอยู่นอกมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ให้เริ่มทำเฉพาะ 2 คำสั่งข้างล่างนี้เลย
สั่งปรับปรุงรายชื่อ package ให้ทันสมัยตามแหล่งข้อมูลต้นทาง
yum check-update
สั่งปรับปรุง/ติดตั้ง package ให้ทันสมัย
yum update
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# yum check-update
|
1.2 การติดตั้งโปรแกรม Apache web server
ชื่อแฟ้มที่เกี่ยวข้องเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว
/var/log/httpd/access.log
/etc/httpd/conf/httpd.conf
/etc/httpd/conf.d/
1. ติดตั้งโปรแกรม httpd พร้อมคู่มือ ด้วยคำสั่ง
yum install httpd
yum install httpd-manual
yum install mod_ssl
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# yum install httpd
Package Arch Version Repository Size
...
|
2. แก้ไขให้ทำงานทุกครั้งที่บูทเครื่อง
chkconfig httpd on
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# chkconfig httpd on
|
3. สั่งให้ทำงานด้วยคำสั่งว่า
service httpd start
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# service httpd start
|
1.3 การติดตั้งโปรแกรม Freeradius
ชื่อแฟ้มที่เกี่ยวข้องเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว
/var/log/radius/radius.log
/etc/raddb/radiusd.conf
/etc/raddb/clients.conf
1. ติดตั้งโปรแกรม freeradius ด้วยคำสั่ง
yum install freeradius
แก้ไขให้ทำงานทุกครั้งที่บูทเครื่อง
chkconfig radiusd on
สั่งให้ทำงานด้วยคำสั่งว่า
service radiusd start
ผลล้ัพธ์
[root@dhcp160 ~]# yum install freeradius
Package Arch Version Repository Size
|
1.4 ทดสอบ authentication โดยใช้ username/password ของ Unix
1. (หากยังไม่มี) ให้เตรียม username ที่จะใช้ทดสอบชื่อ chilli มีรหัสผ่านเป็น abcd1234 ด้วยคำสั่งดังนี้
adduser chilli
passwd chilli
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# adduser chilli
|
2. เมื่อให้ radiusd ทำงานแล้ว เริ่มขั้นตอนทดสอบระบบโดยป้อนตัวอย่างคำสั่งดังนี้
radtest chilli abcd1234 localhost 0 testing123
จะมีการแจ้งว่า Access-Reject
เป็นสาเหตุเนื่องจากไม่มีสิทธิในการอ่านแฟ้ม /etc/shadow ของระบบ
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# radtest chilli abcd1234 localhost 0 testing123
|
หมายเหตุ คำว่า localhost คือ ชื่อโดเมนของไอพีแอดเดรส 127.0.0.1 ก็คือ ตัวเครื่องเซิร์ฟเวอร์เอง
ซึ่งต้องมีระบุไว้ในแฟ้ม /etc/hosts ใช้คำสั่งดูข้อมูลข้างในแฟ้มดังนี้
cat /etc/hosts
[root@dhcp160 ~]# cat /etc/hosts
|
3. แก้ไขให้อ่านแฟ้ม /etc/shadow ได้ โดยแก้ไขแฟ้ม /etc/raddb/radiusd.conf
3.1 ให้ทำการสำรองแฟ้มต้นฉบับเก็บไว้ก่อน ด้วยคำสั่ง
cp /etc/raddb/radiusd.conf /etc/raddb/radiusd.conf.save
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# cp /etc/raddb/radiusd.conf /etc/raddb/radiusd.conf.save
|
3.2 แก้ไขแฟ้ม /etc/raddb/radiusd.conf เพื่อทำการ comment ยกเลิกบรรทัดข้อความจากเดิม
user = radiusd
group = radiusd
ให้เป็น
#user = radiusd
#group = radiusd
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/raddb/radiusd.conf |
Line 114
|
3.3 เสร็จแล้วให้ restart ระบบ radiusd ใหม่ด้วยคำสั่ง
service radiusd restart
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# service radiusd restart
|
3.4 ต่อไปลองป้อนตัวอย่างคำสั่งเดิมเพื่อทดสอบดังนี้
radtest chilli abcd1234 localhost 0 testing123
จะมีการแจ้งว่า Access-Accept ถูกต้องตามต้องการ
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# radtest chilli abcd1234 localhost 0 testing123
|
3.5 ในการนำไปใช้งานจริง ขอให้แก้ไข secret ใหม่ ตัวอย่างเช่น ตั้งใหม่เป็น mytestkey
ให้แก้ไขแฟ้ม /etc/raddb/clients.conf ของโปรแกรม freeradius ให้มีค่าดังตัวอย่างนี้
client 127.0.0.1 {
...
บรรทัดที่ 35 เดิม secret = testing123
แก้ไขเป็น secret = mytestkey
...
}
เสร็จแล้วให้ restart ระบบ radiusd ใหม่ด้วยคำสั่ง
service radiusd restart
ทดสอบ radius อีกครั้งด้วย secret อันใหม่ ดังนี้
radtest chilli abcd1234 localhost 0 mytestkey
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/raddb/clients.conf |
Line 35
|
[root@dhcp160 ~]# service radiusd restart
|
1.5 การติดตั้งโปรแกรม Chillispot แบบ Web login
ชื่อแฟ้มที่เกี่ยวข้องเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว
/etc/chilli.conf
/var/www/cgi-bin/hotspotlogin.cgi
/var/www/html/welcome.html
/etc/firewall.iptables
-------------------------------------
โปรดตรวจสอบ
เนื่องจาก chillispot จะเป็น dhcp server เอง
กรณีที่นำเครื่องเดิมมาติดตั้ง chillispot เพิ่ม จะต้องเช็คว่าในเครื่อง
ไม่มี dhcp server รันอยู่ ถ้ามีอยู่ก็หยุดดังนี้
service dhcpd stop
chkconfig dhcpd off
-------------------------------------
1. เราต้องทำให้เครื่องนี้ทำหน้าที่เป็นเราเตอร์เพื่อ forward packet
ทุกครั้งที่รีบูตเครื่อง
ให้แก้ไขแฟ้ม /etc/sysctl.conf ให้มีค่าดังตัวอย่างนี้
บรรทัดที่ 7 เดิม net.ipv4.ip_forward = 0
แก้ไขเป็น net.ipv4.ip_forward = 1
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/sysctl.conf |
# Controls IP packet forwarding
|
2. เพื่อให้มีผลทันทีในขณะนี้ ให้เครื่อง forward packet
รันคำสั่ง echo "1" > /proc/sys/net/ipv4/ip_forward
้
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# echo "1" > /proc/sys/net/ipv4/ip_forward
|
3. เพื่อให้การ์ดแลน eth1 ไม่รับ dhcp ตอนรีบูตเครื่อง
ให้แก้ไขแฟ้ม /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth1 ให้มีค่าดังตัวอย่างนี้
DEVICE=eth1
ONBOOT=yes
BOOTPROTO=none
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth1 |
# 3Com Corporation 3c905C-TX/TX-M [Tornado]
|
4. ดาวน์โหลดโปรแกรม chillispot จากเครื่องเอฟทีพีของม.อ. ด้วยคำสั่ง wget ดังนี้
wget ftp://ftp.psu.ac.th/pub/chillispot/chillispot-1.1.0.i386.rpm
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# wget ftp://ftp.psu.ac.th/pub/chillispot/chillispot-1.1.0.i386.rpm
|
หรือดาวน์โหลดจากเว็บต้นฉบับที่ http://www.chillispot.info/download.html
http://www.chillispot.info/download.html
|
5. แล้วติดตั้ง package rpm ด้วยคำสั่งดังนี้
rpm -Uvh chillispot-1.1.0.i386.rpm
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# rpm -Uvh chillispot-1.1.0.i386.rpm
|
6. แก้ไขแฟ้ม /etc/chilli.conf ให้มีค่าดังตัวอย่างนี้
[หัวข้อ TUN parameters]
บรรทัดที่ 38 เดิม net 192.168.182.0/24
แก้ไขเป็น net 10.0.1.0/24
[หัวข้อ Radius parameters]
บรรทัดที่ 113 เดิม radiusserver1 rad01.chillispot.org
แก้ไขเป็น radiusserver1 127.0.0.1
บรรทัดที่ 120 เดิม radiusserver2 rad02.chillispot.org
แก้ไขเป็น radiusserver2 127.0.0.1
บรรทัดที่ 139 เดิม #radiussecret testing123
แก้ไขเป็น radiussecret mytestkey
(ตรงกับ radius secret ในแฟ้ม /etc/raddb/clients.conf ของ freeradius)
[หัวข้อ Universal access method (UAM) parameters]
บรรทัดที่ 237 เดิม #uamserver https://radius.chillispot.org/hotspotlogin
แก้ไขเป็น uamserver https://10.0.1.1/cgi-bin/hotspotlogin.cgi
บรรทัดที่ 244 เดิม #uamhomepage http://192.168.182.1/welcome.html
แก้ไขเป็น uamhomepage http://10.0.1.1/welcome.html
บรรทัดที่ 248 เดิม #uamsecret ht2eb8ej6s4et3rg1ulp
แก้ไขโดยให้เอาเครื่องหมาย# ออก เป็น uamsecret ht2eb8ej6s4et3rg1ulp
(หรือแก้ไขเป็นรหัสใหม่ แต่ต้องเหมือนกับในแฟ้ม hotspotlogin.cgi ในข้อถัดไป)
บรรทัดที่ 253 เดิม #uamlisten 192.168.182.1
แก้ไขเป็น uamlisten 10.0.1.1
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/chilli.conf |
Line 38
|
7. ให้คัดลอกแฟ้ม firewall.iptables ด้วยคำสั่ง
cp /usr/share/doc/chillispot-1.1.0/firewall.iptables /etc
ให้คัดลอกแฟ้ม hotspotlogin.cgi ด้วยคำสั่ง
cp /usr/share/doc/chillispot-1.1.0/hotspotlogin.cgi /var/www/cgi-bin/
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# cp /usr/share/doc/chillispot-1.1.0/firewall.iptables /etc
|
8. แก้ไขแฟ้ม /var/www/cgi-bin/hotspotlogin.cgi ให้มีค่าดังตัวอย่างนี้
บรรทัดที่ 27 เดิม #$uamsecret = "ht2eb8ej6s4et3rg1ulp";
แก้ไขโดยให้เอาเครื่องหมาย# ออก เป็น $uamsecret = "ht2eb8ej6s4et3rg1ulp";
บรรทัดที่ 31 เดิม #$userpassword=1;
แก้ไขโดยให้เอาเครื่องหมาย# ออก เป็น $userpassword=1;
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /var/www/cgi-bin/hotspotlogin.cgi |
Line 27
|
9. สร้างแฟ้ม /var/www/html/welcome.html ให้มีค่าดังตัวอย่างนี้
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /var/www/html/welcome.html |
You are connected to an authentication and restricted network access point.
Enjoy.
|
10. ถ้าต้องการรูป chillispot.png ให้ดาวน์โหลดได้ที่นี่
wget http://mamboeasy.psu.ac.th/~wiboon.w/images/stories/chillispot/chillispot.png
แล้วคัดลอกแฟ้มนี้ไปไว้ใน /var/www/html ด้วยคำสั่งดังนี้
cp chillispot.png /var/www/html
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# wget http://mamboeasy.psu.ac.th/~wiboon.w/images/stories/
|
11. ก่อนที่จะสตาร์ท chillispot ให้ไปทำการคอนฟิกแอคเซสพอยน์/ไวร์เลสเราเตอร์ ให้พร้อมใช้งาน โดยทำตามเอกสารของแต่ละรุ่น
ความต้องการคือ ให้ทำ factory defaults แล้วกำหนดให้มันจะต้องรับ dhcp ip จาก chillispot และตัวมันเองจะต้องไม่ทำหน้าที่แจก ip
รวมทั้งควรแก้ไข ESSID ตั้งชื่อใหม่ด้วย เพื่อให้รู้ว่าตัวไหนของเรา ดูตัวอย่างบางรุ่นในเว็บนี้ได้
หมายเหตุ Linksys WRT54GL ที่ผมนำมา upgrade firmware เป็น DD-WRT แล้ว
ผมพบว่า ต้อง Enable DHCP server ให้กับ port LAN 1-4 ของเราเตอร์ด้วย
มันยังคงแจกไอพีให้กับ เครื่องที่ต่อ port LAN 1-4 แต่มันไม่แจกไอพีให้ไวร์เลส
12. เปิดใช้งาน iptables เพื่อทำเป็น firewall ด้วยคำสั่ง
sh /etc/firewall.iptables
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# sh /etc/firewall.iptables
|
13. สั่งให้ chillispot ทำงานด้วยคำสั่ง
service chilli start
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# service chilli start
|
14. ตรวจสอบการทำงานของ chiilispot ว่าสร้างอินเทอร์เฟส tun0 พร้อมใช้งานและมีเลข IP เป็น 10.0.1.1
โดยที่อินเทอร์เฟส eth1 จะไม่มี IP ใด ๆ ส่วน eth0 ก็เป็นเลข IP ที่รับจากเน็ตที่เซิร์ฟเวอร์นี้ต่ออยู่เหมือนเดิม
ด้วยคำสั่ง ifconfig ดังตัวอย่าง
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# ifconfig
|
15. ให้จดเลข Mac address ของโน้ตบุ๊คที่จะนำมาทดสอบการเชื่อมต่อกับ chillispot
และรันคำสั่งตรวจสอบว่าโน้ตบุ๊คได้ IP Address จาก chillispot ดังนี้
tail -f /var/log/messages
จะได้ผลลัพธ์แสดงคล้าย ๆ ตังอย่างข้างล่างนี้
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# tail -f /var/log/messages
This email address is being protected from spam bots, you need Javascript enabled to view it
>
|
โดยที่ 10.0.1.2 จะเป็น IP ของแอคเซสพอยน์ และ 10.0.1.3 จะเป็น IP ของโน้ตบุ๊คตัวแรกที่เชื่อมต่อ
16. เริ่มขั้นตอนทดสอบระบบที่เครื่องโน้ตบุคดังนี้
เริ่มทำการคอนเนค W-IFI
คลิกที่นี่เพื่อดูรูป
ที่บราวเซอร์ให้ยกเลิกการเซ็ตพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์
ที่บราวเซอร์ที่มีการเซ็ตหน้าโฮมเพจไว้ จะถูก redirect ไปยัง welcome.html ทันทีเมื่อเรียกโปรแกรม คลิกที่นี่เพื่อดูรูป
คลิกที่ข้อความ Click here to login แล้วจะมีหน้าต่างเพื่อให้ใส่ username และ password
คลิกที่นี่เพื่อดูรูป
เมื่อ login เข้าได้สำเร็จจะมีหน้าต่าง logged in พร้อมเวลาเริ่มนับ และเอาไว้ใช้สำหรับ logout
คลิกที่นี่เพื่อดูรูป
17. แก้ไขแฟ้ม /etc/rc.local เพื่อให้ firewall.iptables และ chilli มีผลทำงานด้วยเมื่อรีบูตเครื่องใหม่
เพิ่มบรรทัด 2 บรรทัดนี้ต่อท้าย
sh /etc/firewall.iptables
service chilli start
ผลลัพธ์
[root@dhcp160 ~]# gedit /etc/rc.local |
#!/bin/sh
|
18. รีบูตเครื่องเซิร์ฟเวอร์ 1 ครั้ง
19. ถึงขั้นตอนนี้เป็นอันเปิดใช้ระบบ chillispot แบบ web login ได้แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น