วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Review : ของดีราคาถูกที่ซื้อตามเพื่อนๆจาก pantip.com

เริ่มจากหมวดแรก เป็นพวกเกี่ยวกับรักษาสิว
.: Acne Cream : Dr.Somchai :.
ตัวนี้เราเพิ่งใช้หลอดแรกเพราะรู้สึกว่าพักนี้ชอบมีสิวผดขึ้นบริเวณหน้าผาก แถมตรงคางก็มีสิวอุดตันขึ้น ก็เลยไปซื้อมาใช้ ใช้มาได้อาทิตย์นึงแล้ว ตอนนี้สิวผดไม่มีแล้ว แต่สิวอุดตันนี่ไม่ยอมหายไปซักที ก็สรุปว่าตัวนี้ใช้แล้วน่าจะช่วยเรื่องสิวผดนะสำหรับเราน่ะ ถ้าหมดคงซื้อต่อเพราะราคาไม่แพง;p~

.: Panoxly 2.5% :.
เราไม่ได้ใช้ตัว5%เพราะว่าเราไม่เคยใช้มาก่อนเรากลัวว่ามันจะแรงไปสำหรับเรา แล้วเภสัชกรเค้าก็แนะนำว่าให้เริ่มจากตัวอ่อนๆก่อนด้วยก็เลยได้ตัวนี้มา แต่ตัวนี้เราไม่ได้ใช้ทาทั่วหน้าเพราะเราเคยทาทั่วหน้าแล้วทิ้งไว้แค่5นาที ก็รู้สึกแสบๆหน้า แถมพอล้างออกยังรู้สึกว่าหน้าแดงๆอีกด้วย ก็เลยเปลี่ยนมาใช้แต้มสิวแทน แต่แต้มบางมากๆ ปรากฏว่ามันยอดมากจ้า สิวยุบทันใจเลยจริงๆ ชอบอีกแล้วตัวนี้^^”

.: Magical Clear : Kiss Me :.
ตัวนี้น้องสาวเราสั่งซื้อมาจากเวปค่ะ เพราะน้องเราชอบมีสิวเสี้ยนที่จมูก แล้วในเวปเค้าโฆษณาไว้ว่าตัวนี้นี่สำหรบคนที่มีจมูกแบบStrawberry Noseซึ่งก็คือมีผิวบริเวณจมูกคล้ายStrawberryน่ะคะ น้องเราก็ซื้อมาใช้ เห็นมันบอกว่าดีนะคะ เพราะตอนนี้ผิวที่จมูกมันเรียบขึ้นแล้วแถมสิวเสี้ยนก็ไม่ค่อยมีแล้วด้วย ตอนนี้น้องเราก็เลยยกให้เราค่ะ แต่เราใช้ทาทั่วหน้า ทิ้งไว้15-30นาทีแล้วค่อยล้างออก หน้าก็เรียบดีค่ะ สิวไม่ค่อยมี แต่ถ้าหมดคงไม่ซื้อต่อค่ะ เพราะใช้ของดร.สมชายแล้วก็คุณสมบัติคล้ายๆกัน-..-


หมวดล้างหน้าค่ะ
.: Oil Cleansing Gel : Fasio :.
แต่ก่อนเราใช้ออยล้างหน้าของDHCซึ่งเราชอบมากๆๆๆเลย ใช้หมดไป2ขวด แต่ตอนนี้มันขึ้นราคาแล้วอ่ะ ซึ่งเราว่ามันแพงไป ก็เลยไปซื้อของFasioมาใช้ เพราะราคาถูกกว่ามาก ซึ่งก็ใช้ดีนะเราว่า แต่เราก็ยังชอบของDHCมากกว่าอยู่ดี เพราะFasioนี่พอล้างน้ำออกแล้วเราว่าหน้าจะเหนียวๆหน่อย แต่พอใช้โฟมล้างต่อก็สะอาดดี แต่ถ้าเป็นของDHCนี่พอล้างน้ำออกแล้วก็จะรู้สึกว่าหน้าสะอาดมากๆเลย ถ้าหลอดนี้หมดคงจะกลับไปใช้ของDHCเหมือนเดิมแล้วล่ะ ถึงแพงก็ยอมค่ะงานนี้

.: Cleansing Foam for All Skin Types : MPS :.
อันนี้เราจะใช้ล้างหน้าตอนเช้า เพราะรู้สึกมันจะอ่อนๆหน่อย กลิ่นก็หอมดี ใช้เป็นหลอดที่2แล้ว ชอบมาก ล้างหน้าได้สะอาดดี หมดแล้วซื้อต่อแน่นอน

.: Cleansing Foam for Combination to Oily Skin : MPS :.
หลอดนี้สำหรับผิวมัน จะมีสครับด้วย สครับละเอียดดีนะ ตัวนี้เราใช้ล้างหน้าตอนเย็นหลังจากที่ใช้ออยแล้ว หลังใช้หน้าจะนุ่มๆสะอาดดี ที่จริงเรามีของMPSสำหรับผิวแห้งด้วย ซึ่งก็จะมีสครับเหมือนกัน แต่มีน้อยมากๆ หนึ่งครั้งที่ใช้ล้างรู้สึกว่าจะมีเม็ดสครับอยู่เม็ดเดียว แต่หลอดสำหรับผิวแห้งเราใช้หมดไปแล้วและไม่ได้ซื้อใช้ต่อเพราะเราผิวค่อน ข้างมัน แต่ถ้าใครผิวแห้งก็น่าจะใช้ได้ดีนะเราว่า ส่วนอันนี้สำหรับผิวมันถ้าหมดก็ซื้อต่อแน่นอนจ้า:)

.: ACNE Foaming Facial Cleanser : Dr.Somchai :.
นี่ก็ขวดที่2แล้ว ใช้ดีมากๆ เราว่ามันอ่อนๆดี เราจะใช้เฉพาะตอนเช้า ตัวนี้ก็แนะนำเพื่อนให้ใช้จนติดใจไปหลายคนแล้ว ของดีราคาถูกแบบนี้ต้องแนะนำจ้า\^๐^/



หมวดโทนเนอร์
.: Pure Zone : L’oreal :.
ตัวนี้เราเห็นเพื่อนผู้ชายใช้แล้วมันมาบอกเราว่าดี มันใช้แล้วสิวไม่ขึ้น(แต่มันใช้ยกเซท)เราเลยซื้อมาใช้บ้าง แต่ว่าเราไม่ชอบเลย กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมากๆๆๆ แรงถึงขั้นต้องกลั้นหายใจเวลาเช็ดหน้า แถมหลังเช็ดหน้ายังเหนียวๆอีกด้วย ทำให้รู้สึกว่าหน้าสกปรกกว่าก่อนใช้อีก แย่ๆเก็บเข้ากรุไปเรียบร้อยแล้วT^T

.: Oil-Controlling Toner : Clean&Clear :.
ตัวนี้นี่เราใช้มาเป็นขวดที่20ได้แล้วมั้ง ใช้ตั้งแต่เรียนมัธยมซึ่งตอนนั้นหน้าแพ้ง่ายมากๆใช้อะไรก็แพ้ จนมาเจอตัวนี้ใช้แล้วไม่แพ้ก็เลยใช้มาตลอด ถ้าถามว่าดีรึป่าว เราว่ามันก็เฉยๆนะ หลังเช็ดหน้าจะแห้งๆหน่อย แต่เราหน้ามันไงเราเลยชอบ แล้วอีกอย่างเราไม่แพ้ด้วย ก็คงจะใช้ต่อไปเรื่อยๆแหล่ะ

.: Alcohol-Free Toner : Neutrogena :.
นี่ก็ซื้อตามห้องนี้ค่ะ ใช้ดีเลยล่ะ แต่ว่าตอนนี้แม่เรามาจิ๊กไปใช้ซะแล้วหลังจากที่เราไปบอกว่าใช้ดี แม่มาลองใช้แล้วติดใจเลยยึดไปเลย แล้วเราก็ยังไม่ได้ไปซื้อขวดใหม่เลยอ่ะ ยังไม่รู้ว่าจะซื้อต่อรึป่าวเพราะว่าก็มีของClean&Clearอยู่



หมวดครีมบำรุง
ขอบอกว่าเป็นคนขี้เกียจทา ครีมมากๆๆๆๆ ปกติเราจะใช้แค่ครีมเช้าและก่อนนอนของหมอเท่านั้น แล้วตอนเช้าก็จะทาแค่ครีมกันแดดเพิ่ม แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มแก่แล้ว เลยหาครีมมาใช้บ้าง แต่ก็เพื่อความสบายใจเท่านั้นเอง เอาเข้าจริงก็ไม่ชอบทาอยู่ดีแหล่ะ
.: Scacare C&E Nanowhite :.
ซื้อตามเพื่อนในห้องนี้เหมือนกัน ไปอ่านรีวิวเค้าแล้วเห็นว่าไม่แพงเลยซื้อมาลองใช้ดู แต่ว่าเราไม่ชอบเลยอ่ะ ทาแล้วหน้าเยิ้มๆยังไงไม่รู้ แถมสิวยังขึ้นอีกตะหาก เลยเอามาใช้ทาคอแทนเพราะว่าเสียดายอ่ะ เหอะๆๆ

.: Ganier Light SPF15 :.
อันนี้ซื้อเพราะอยากรู้ว่าใช้แล้วจะขาวขึ้นจริงรึป่าว ลองใช้ไป2สัปดาห์รู้สึกว่าหน้าขาวขึ้น แต่ขาวแบบด่างๆ สีผิวไม่สม่ำเสมอก็เลยเลิกใช้ แล้วอีกอย่างคือกลิ่นมันหอมแรงๆอ่ะ เราไม่ค่อยชอบอะไรที่กลิ่นแรงก็เลยไม่อยากใช้ต่อ

.: Idealist Skin Refinisher : Estee Lauder :.
อันนี้ไปเอาตัวเทสเตอร์ของแม่มาใช้ ชอบมากๆๆๆๆเลย ถ้ามีเงินกะจะไปซื้อไซส์จริงมาใช้ล่ะ เพราะเรามีปัญหาเรื่องรูขุมขนบริเวณจมูก แล้วครีมตัวนี้มันช่วยเรื่องกระชับรูขุมขน ที่จริงเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะกระชับขึ้นจริงรึป่าว แต่เราชอบความรู้สึกหลังทามากๆเลยอ่ะ มันจะเหมือนมีอะไรมาเคลือบผิวเราไว้ เวลาลูบๆไปนี่ผิวจะเนียนๆลื่นๆอ่ะ อาจจะเป็นเพราะเนื้อครีมรึป่าวก็ไม่รู้ แต่เราก็ชอบมากอยู่ดีอ่ะ

.: Facial Treatment Essence : SK-II :.
นี่ก็เป็นเทสเตอร์ที่ได้จากแม่เช่นกัน แม่เราใช้แล้วชอบก็เลยเอามาให้เราลองใช้ แต่เราใช้แล้วเราก็ว่ามันงั้นๆแหล่ะ ไม่ค่อยรู้สึกถึงผลลัพธ์เท่าไหร่ ก็เลยใช้บ้างไม่ใช้บ้าง อีกอย่างเราไม่ค่อยชอบกลิ่นมันล่ะ กลิ่นมันบูดๆยังไงไม่รู้ นี่เหลืออยู่อีกจิ๊ดเดียวแต่ก็ขี้เกียดใช้ เลยไม่หมดซักที


.: T-zone Balancing Gel : Pure & Mild :.
เจลอันนี้เค้าว่ามันจะช่วยลดความมันช่วงทีโซน เอาไว้ทาก่อนทาแป้ง เราผิวผสมแล้วจมูกชอบมันก็เลยลองซื้อมาใช้ ปรากฏว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลยอ่ะ จมูกเคยมันยังไงก็ยังมันอย่างนั้น แล้วกลิ่นแอลกอฮอล์ก็แร๊งแรง ใช้ทีเดียวเลิกเลยเรา ไม่ชอบอย่างแรง

.: AHA 10% : maXkin :.
ครีมอันนี้มีแต่คนรีวิวว่าดี เราเลยซื้อมาใช้บ้าง แต่เราว่าเนื้อครีมมันข้นมาก เราเลยใช้แต้มเฉพาะจุดที่เป็นรอยดำ แต่ไม่ค่อยได้ใช้ก็เลยยังไม่เห็นผล เหอะๆก็อย่างที่บอกอ่ะ คือเราขี้เกียดทาครีมมากเลยล่ะ

.: CLINDA-M :.
อันนี้ใช้มานานแล้ว ใช้มาก่อนที่จะรู้ว่าเค้าฮิตกันซะอีก เป็นยาทาสิวที่เราชอบมากเลย พอรู้สึกว่าสิวจะขึ้นเราก็จะทาๆเอาไว้ สิวก็จะยุบอย่างรวดเร็วเลย แต่ใช้แล้วผิวจะแห้งๆก็ต้องโปะๆครีมช่วยเอา ตัวนี้เราขาดไม่ได้เลยล่ะ พกติดตัวไว้เลย สิวขึ้นเมื่อไหร่ก็แต้มทันที

.: Sunkiller Milk Powder : Kiss Me :.
ครีมกันแดดอันนี้เราชอบสุดๆใช้มา3ปีแล้ว และคงใช้ต่อไปเรื่อยๆ เวลาทามันจะกลายเป็นแป้งเคลือบหน้าเราไว้ วันไหนขี้เกียดทาครีม เราก็จะทาแค่ครีมกันแดดอันนี้ล่ะ บางทีก็ไม่ทาแป้งทับด้วยซ้ำ แต่หน้าก็จะดูผ่องๆแถมไม่มันด้วยล่ะ ที่จริงเราเคยซื้ออีกรุ่นที่มันมีวิ้งมาใช้ แต่เราไม่ค่อยแต่งหน้าไงเลยไม่รู้จะให้มันวิ้งไปทำไม ก็เลยให้แม่ไปแล้ว

.: Mask White : Kose :.
ซื้อมาไว้ลอกสิวเสี้ยนบริเวณจมูกโดยเฉพาะ เห็นเพื่อนๆหลายคนรีวิวว่าดี ดึงแล้วสะใจดี เราเลยซื้อตาม สำหรับเราก็โอเคนะ เวลาทาทิ้งไว้จะเย็นๆ ดึงออกทีสิวเสี้ยนก็หลุดเยอะใช้ได้เลยล่ะ แต่ว่าเราชอบมาส์กของDermafleeceมากกว่าเยอะเลย ยิ่งอันสีส้มนะสุดยอดมากๆๆๆๆ แค่ทาบางๆพอดึงออกนี่สิวเสี้ยนหายวับเลย พลังดึงรุนแรงสุดๆดึงแต่ละทีนี่หน้าชายิบๆเลยล่ะ เค้าถึงเรียกกันว่ามาส์กกระชากวิญญาณไง แต่มันหาซื้อไม่ได้แล้วนี่สิเลยต้องมาใช้ชองโคเซ่แทน ใครพอจะรู้ว่าซื้อได้ที่ไหนก็บอกเราบ้างนะ


: Clear Smooth : Maybelline :.
เป็นรองพื้นเนื้อเจลที่เบาบางมากๆ ไม่ช่วยเรื่องปกปิดอะไรเลย เราไม่ได้ใช้ทาทั่วหน้านะ แต่เราเอามาใช้เป็นคอนซิลเลอร์แทนอ่ะ เราใช้ทาบางๆบริเวณรอยดำก็โอเคนะ ช่วยได้นิดหน่อย ใช้ไปงั้นๆล่ะไม่ให้เสียของเฉยๆ ถ้าหมดก็ไม่ซื้อต่อหรอก เพราะว่าไม่ค่อยจำเป็น ปกติเราทาครีมกันแดดเสร็จก็จะลงแป้งฝุ่นเลย

.: Aqua Tint : GINO McGRAY :.
สีPeachy Rose อันนี้ได้มาเพราะไปเดินๆดูของในร้านคอสเมด้าแล้วเห็นมันลดราคาอยู่เลยลอง ซื้อมาใช้ดู ราคาถูกมากอ่ะ แต่ว่าใช้ดีนะ เราใช้ทาทั้งปากแล้วก็แก้มเลยล่ะ ทาแล้วดูเป็นธรรมชาติมากๆ แก้มนี่ติดทนยันเย็นเลยนะ แต่ตรงปากมันจะจางๆลงอ่ะเหลือแดงๆไว้แค่ด้านในนิดหน่อย เดี๋ยวนี้ติดเลยล่ะต้องทาทุกวัน วันไหนไม่ทาจะไม่ค่อยมั่นใจอ่ะ จะรู้สึกว่าตัวเองหน้าซีดๆ นี่ใช้มา3เดือนแล้วยังเต็มขวดอยู่เลย

.: Translucent Loose Powder :.
อันนี้แม่ให้มาเพราะว่าเราอยากลองใช้แป้งฝุ่น นี่ของยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ เราใช้แล้วก็ดี หน้าไม่ค่อยมันเท่าไหร่ ไม่ต้องใช้ซับมันบ่อยๆเหมือนแต่ก่อน แต่เราไม่เคยใช้ของยี่ห้ออื่นก็เลยประเมินไม่ถูก แต่ถ้าหมดก็อาจจะใช้ต่อ(ถ้าแม่ซื้อมาให้นะ)

.: แป้งผสมรองพื้น : Za :.
ด้วยความที่แม่เราอยากจะให้เราแต่งหน้าบ้างก็เลยซื้อมาให้ใช้ ลองใช้แล้วเราว่าเนื้อแป้งมันหนาไปนะ แต่ว่าปกปิดดีมากๆเลย แบ่บว่าทาลงไปนี่หน้าเนียนเลยอ่ะ เราไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนมากจะเอาไว้เติมระหว่างวันหรือเวลารู้สึกหน้าหมองๆก็เอามาทาๆ หน้าจะเด้งขึ้นมาทันที แต่เด้งแบบโบ๊ะๆอ่ะซึ่งมันไม่ใช่ตัวเรา ก็เลยไม่ชอบใช้เท่าไหร่

.: Blush & Bright No.4 : SCENTIO :.
นี่ก็ได้จากร้านคอสเมด้า ซื้อพร้อมกับTintแหล่ะ เห็นมันถูกดี ตอนแรกที่ใช้นี่เราเอาแปรงทาแล้วมันไม่ค่อยติด ต้องใช้พัฟที่แถมมาทาถึงจะติด อันนี้เราเอาไว้เติมระหว่างวันนะเราว่าสีมันเข้ากะสีผิวเราอ่ะ ดูธรรมชาติดี ทาแล้วดูแก้มใสๆ แต่ว่ามันติดไม่ทนต้องเติมบ่อยนิดนึง


เครดิต จากคุณ : ::Dr.Nemesis:: http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5304742/L5304742.html

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

P2P (Peer to Peer) คืออะไร ??

ในตอนนี้หลายๆคนคงได้ยินคำว่า "Bit","Torrent","P2P" ฯลฯ จากที่อื่นๆ และก็คงสงสัยว่า ไอเจ้าพวกนี้มันคืออะไรทำงานอย่างไร และมันวิเศษวิโสอย่างไร ทำไมถึงมีการพูดถึงกันนักหนา วันนี้เราจึงจะมาทำความรู้จักมันกันครับแต่ที่สำคัญก่อนอื่นเลยเราต้องมารู้จักกับคำว่า "P2P" กันก่อนครับ P2P หรือเต็มๆ Peer to Peer อาจจะมีคำอื่นอีกเช่น People to People ,Point to Point ซึ่งมีความหายคล้ายคลึงกัน Peer to Peer คือ ...
- ระบบที่อนุญาติให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันหรือใช้ทรัพยากรร่วมกันผ่านระบบเครือข่าย
- ระบบการสื่อสารจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยตรง
- ฯลฯ
แต่เดิมนั้นเมื่อเราต้องการดาวน์โหลดไฟล์จากแม่ข่ายโดยใช้ FTP*,HTTP** นั้น หากมีคนที่ต้องการไฟล์เดียวกับเรา 500 คนมาดาวน์โหลดบนแม่ข่ายเดียวกันพร้อมๆ กันโดยแต่ละคนมี Bandwidth คนละ 256kbps ถ้าจะให้ทุกคนนั้นได้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดตัวแม่ข่ายจะต้องมี Bandwidth เท่ากับ 256kbps * 500 (125mbit) เลยทีเดียว

++++รอแทรกรูปภาพ+++++

ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่จะเปลือง Bandwidth เท่านั้น แต่ยังจะต้องใช้แม่ข่ายที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย จากปัญหาดังกล่าวนี้เองทำให้โปรแกรมแชร์ไฟล์ P2P ถูกพัฒนาขึ้นมารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยใช้ทรัพยากรของแม่ข่ายให้น้อยลงนั้นเอง ระบบ P2P นั้นถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยที่ไม่พึ่งแม่ข่ายในการแจกจ่ายไฟล์และทำให้สามารถหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
*FTP = File Transfer Protocal
**HTTP = Hypertext Transfer Protocal
จากความหมายนี้เองทำให้เราเรียกโปรแกรมที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยไม่ได้ร้องขอไฟล์จากแม่ข่ายว่า "P2P File Sharing" โปรแกรมประเภทนี้มีอยู่มากมายหลายตัวด้วยกัน เช่น Emule, Kazaa, Edonkey ฯลฯ หลักการทำงานคร่าวๆของโปรแกรมก็คือ
1.เชื่อมต่อไปยังแม่ข่ายเพื่อยืนยันตัวตนและส่งสารบัญไฟล์ที่เราแชร์ไว้ไปด้วย
2.หากเราต้องการหาไฟล์สักไฟล์หนึ่งเมื่อเราระบุ Keyword** โปรแกรมจะส่งคำร้องไปยังแม่ข่าย จากนั้นแม่ข่ายจะส่งรายชื่อไฟล์พร้อมข้อมูลตัวตนของคนที่มีไฟล์ที่ตรงกับ Keyword ที่เราระบุกลับมา
3.เมื่อเราพบไฟล์ที่ต้องการแล้วตัวโปรแกรมจะใช้ข้อมูลที่ได้จากแม่ข่ายติดต่อไปยังคนนั้นๆโดยตรงเพื่อร้องขอไฟล์ จากการทำงานจะเห็นได้ว่าตัวแม่ข่ายนั้นไม่ได้เป็นคนเก็บไฟล์จริงๆไว้เพียงแต่เก็บเป็นสารบัญไว้เท่านั้น
**Keyword = คำหรือประโยคหรือที่ระบุเพื่ออ้างอิงในระบบการค้น


BitTorrent หลังจากที่ได้พูดถึงเรื่อง P2P ทั่วไปแล้วตอนแรก อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเริ่มเข้าใจหลักการทำงานคร่าวๆของ P2P ไม่มากก็น้อยกันแล้วนะครับ แต่ก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจกันดี "ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์ไปมันทุกอย่าง" หรือเรียกว่า "Perfect" ทุกๆ อย่างต้องมีจุดอ่อน ถึงแม้ว่า P2P ที่ว่า จะแก้ปัญหาจุดอ่อนเรื่อง Bandwidth และทรัพยาการเครื่องแม่ข่ายที่สูงได้ แต่ถึงกระนั้นความเร็วที่ได้ก็ไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลย เนื่องจากความเร็วที่ได้นั้น จะได้จากจากเชื่อมต่อผู้ใช้ด้วยกันเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความเร็ว Internet ในการรับส่ง ของผู้ใช้ตามบ้านนั้นไม่ได้เร็วเหมือนเครื่อง ที่ใช้เป็นแม่ข่ายโดยซึ่งเฉพาะที่จะตั่งอยู่ใน ISP ซึ่ง Bandwidth อย่างต่ำๆ นั้นเป็น 100Mbit และผู้ใช้เอง ส่วนมากนั้นก็จะเห็นแก่ตัว คือไม่ปล่อยให้ตัวโปรแกรมส่งแบบเต็มๆ Bandwidth ที่มีจะกั้กเอาไว้ (มีน้อยแล้วยังจะกั้กอีก) ส่วน Bandwidth ดาวน์โหลดนั้นดันเปิดไว้เต็มๆ เอากับเขาสิ... ทำให้โปรแกรมประเภท P2P ที่กล่าวมานั้นความเร็วที่ได้จะขึ้นอยู่กับว่าคนที่มีไฟล์ที่เรากำลังโหลดอยู่นั้นมีความเร็วในการส่งข้อมูลให้เรามากแค่ไหน (กั้กอีกแค่ไหน) รวมถึงมีคนที่มีไฟล์เดียวกับเรานั้นมีมากแค่ไหน ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเร็วที่ได้นั้นมีเงื่อนใขหลายอย่างประกอบกันมากพอสมควร ถึงตรงนี้ Bittorrent ก็กำเนิดขึ้นมาซึ่งมีการทำงานแตกต่างจาก P2P ทั่วไปอยู่เล็กน้อยแต่ก็ทำให้ความเร็วที่ได้นั้น นำหน้า P2P ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวและมีความถูกต้องของข้อมูลสูงรวมถึงทำให้ทุกคนรู้จักถึงคำว่า "แบ่งปัน" หรือ "give and take" นั้นเอง เราคงจะข้ามความเป็นมาของ Protocal* Bittorrent เนื่องจากมีสาเหตุเดียวกันกับ P2P ทั่วไปแต่คงจะขาดชื่อของผู้คิดระบบนี้ไปไม่ได้ ชื่อของเขาก็คือ "Bram Cohen"